สิวนับเป็นปัญหาหนักใจของคนทุกเพศ ทุกวัยตลอดมา จากสิวเม็ดเล็กๆ กลายเป็นรอยแดง และรอยดำ ซึ่งบางคนรอยสิวไม่จางหายไปอย่างที่ควรจะเป็น บางคนกว่าร่องรอยจะหายต้องใช้เวลานาน หรือบางคนรอยสิวไม่หายกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่บนใบหน้าไปอีกหลายปี
แม้ที่ผ่านมาจะมีวิธีเร่งให้รอยสิวหายเร็วขึ้น เช่น การรับประทานยาหรือวิตามินที่ช่วยลดรอยสิว การทำทรีตเมนต์ผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ (AHA / BHA) ที่มีความเข้มข้นสูง หรือการกำจัดรอยสิวด้วยผลไม้หรือสมุนไพร เช่น มะนาว น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ มะขามเปียก เป็นต้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจใช้เวลานาน
Slimup2u จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลเซอร์รอยสิว ซึ่งเป็นวิธีการรักษารอยสิวที่มีประสิทธิภาพสูงมาฝากกัน เพราะการเลเซอร์รอยสิวให้ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว นอกจากจะทำให้ร่องรอยสิวจางหายรวดเร็วแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนใสได้ทันใจอีกด้วย
เลเซอร์รอยสิว คือ การแก้ปัญหารอยสิวด้วยพลังงานแสงเลเซอร์เข้มข้นสูง และใช้ช่วงความถี่ที่เหมาะสม โดยยิงลำแสงเลเซอร์ลงไปบนผิวหนังที่ต้องการลบรอยสิว เพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอกที่มีรอยดำหรือรอยแดงให้จางลง และกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้า และส่งผลให้ผิวแลดูเรียบเนียนใสขึ้น
รอยสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากการเป็นสิว ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ใบหน้าของเราเกิดสิวอักเสบ หรือสิวอุดตันผุดขึ้นมา ก็จะส่งผลให้ผิวหนังของเราเกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาค่ะ จึงทำให้ภายหลังจากการหายเป็นสิวแล้ว จะปรากฏเป็นรอยแผลเป็นในลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้านั่นเอง
โดยทั่วไปรอยสิวมี 2 ชนิดหลักๆ ดังนี้
เลเซอร์ลบรอยสิว เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่อาศัยเครื่องมือด้านการรักษาด้วยเทคโนโลยีการเลเซอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติเน้นการรักษารอยสิวโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อลบรอยสิวที่ขึ้นชื่อว่าหายยาก ปกติเราจะพบรอยดำและรอยแดงตามมาเกือบทุกครั้ง
และการรักษารอยสิวบางครั้งต้องใช้เวลาในการบำรุงรักษาและดูแลเป็นเวลานานกว่ารอยสิวจะจางหายไป แต่เมื่อมีเทคโนโลยี เลเซอร์ลบรอยสิว ก็สามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะสามารถช่วยให้รอยดำ รอยแดงจากสิวดีขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการช่วยลดเลือนริ้วรอยจากสาเหตุอื่น ๆ ส่งผลให้ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย
เครื่องเลเซอร์รอยสิวส่วนมากใช้รักษาสิวได้ทุกชนิด ขึ้นอยู่กับการเลือกความถี่ที่เหมาะสมกับชนิดของสิว ซึ่งประเภทเลเซอร์รอยสิว มีดังนี้
เลเซอร์รอยสิวที่เป็นที่นิยม แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
การเลเซอร์รอยสิว คือ การใช้พลังงานคลื่นแสงเข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกละเอียด เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีออกไปได้ง่ายขึ้น โดยผู้ที่เหมาะกับการรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ ได้แก่
ขั้นตอนและเวลาที่ใช้ในการเลเซอร์สิวจะขึ้นอยู่กับ ปัญหาของผู้รับบริการว่ามีจำนวนและปริมาณร่องรอยมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงประเภทของเลเซอร์ และประสิทธิภาพของเครื่องที่ใช้ แต่โดยทั่วไป การเลเซอร์รอยสิว มีขั้นตอนดังนี้
โดยการเลเซอร์สิวอุดตันจะมีสะเก็ดหลุดออกมาภายใน 3 – 7 วัน ซึ่งสะเก็ดจะหลุดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวมันสะเก็ดจะหลุดเร็วกว่าสภาพผิวแห้ง หรือการทาครีม ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ช่วยให้สะเก็ดหลุดเร็วขึ้น เป็นต้น เมื่อสะเก็ดหลุดอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นมีรอยแดง หรือดำเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อโดนแดด ดังนั้นหลังทำเลเซอร์ถึงช่วงสะเก็ดหลุดใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด และควรทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และภายหลังเลเซอร์สิว ควรดูแลตัวเอง ดังนี้
โดยทั่วไปการทำเลเซอร์เพื่อรักษารอยดำ รอยแดง และรอยสิว ใช้เวลาทำเพียงประมาณครั้งละ 10-30 นาทีเท่านั้น
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ผู้รับบริการควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่พึงพอใจ โดยพิจารณาจากระดับปัญหา ขนาดและจำนวนรอยสิวบนใบหน้า หากเป็นรอยสิวแดง ควรรักษาต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง ทุกๆ 3-4 สัปดาห์ จะสามารถเห็นผิวหนังที่มีรอยแดงดีขึ้น และในแต่ละครั้งของการรักษาจะสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลัง 2 สัปดาห์ขึ้นไป ทั้งนี้การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป จะช่วยป้องกันผิวและไม่ทำผิวที่เลเซอร์ถูกกระตุ้นให้เกิดรอยแดงมากขึ้น จะช่วยให้การรักษาเห็นผลได้ดีขึ้น
ส่วนรอยสิวดำจะใช้ระยะเวลานานกว่า และจำนวนครั้งมากกว่า เนื่องจากรอยสิวดำเป็นการอักเสบที่เนื้อเยื่อผิวเสียหาย จนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ผิวเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล โดยปกติรอยสิวดำอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถึง 2 ปี กว่าจะจางลง แต่การเลเซอร์จะทำให้รอยดำหายไปในเวลาเร็วขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดรอยดำ เล็ก ใหญ่ ระยะเวลาที่เป็น และความเสียหายมากน้อยของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นด้วย
ระหว่างการเลเซอร์รอยสิว ผู้รับบริการจะรู้สึกเย็น เพราะลมเย็นที่ปล่อยออกจากเครื่องเลเซอร์ หลังจากนั้นรู้สึกแปลบๆ เมื่อเลเซอร์ยิงลงไปที่ผิว อาจรู้สึกเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่หลังจากเลเซอร์ผิวจะแดงขึ้นเล็กน้อย แล้วจะจางหายไปในวันรุ่งขึ้นและไม่ทิ้งรอยในการเลเซอร์ไว้บนหน้า