เลเซอร์รักแร้ เจ็บไหม แบบไหนดี ทำแล้วเห็นผล เรามีคำตอบ

เลเซอร์รักแร้ ถือว่าเป็นวิธีการกำจัดขนใต้วงแขนที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ปัญหาเส้นขน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน แต่ก็มีคนที่ไม่กล้าทำ เพราะกลัวว่าเจ็บ เนื่องจากผิวหนังบริเวณรักแร้นั้นค่อนข้างบอบบาง แต่จริงๆ แล้วการทำ เลเซอร์ขนรักแร้ เจ็บหรือไม่? มาไขข้อสงสัยไปพร้อมๆ กัน

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คลื่นพลังงานเลเซอร์ที่นำมาใช้จะไปจับกับเม็ดสีของเส้นขนเท่านั้น โดยเครื่องจะส่งคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีพลังงานความร้อนลงไปจับที่รากขน ทำให้พลังงานที่ปล่อยออกมาไม่ส่งผลกระทบกับผิวหนัง จึงจะไม่ทำให้เจ็บบริเวณรักแร้ นอกจากนี้ในระหว่างการทำเลเซอร์ขนรักแร้ยังมีการประคบเย็นและทาเจลเย็นอยู่เป็นระยะ เพื่อช่วยให้รู้สึกสบายผิว จึงทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกอุ่น เหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ บริเวณที่ทำเลเซอร์เท่านั้นค่ะ

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในการทำเลเซอร์รักแร้ยังเป็นวิธีการกำจัดขนที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผล แต่ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจมีสีอมชมพูประมาณ 15-30 นาที จากนั้นจะค่อยๆ จางไปเอง นอกจากนี้ผิวยังอาจเกิดความบอบบางชั่วคราว ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรดูแลรักษาบริเวณที่ทำเลเซอร์ ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและสารเคมีต่างๆ ที่บริเวณดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการอักเสบที่อาจตามมาในภายหลัง

เลเซอร์รักแร้ มีการทำงานอย่างไร

เลเซอร์ขนในทุกๆ บริเวณจะมีการทำงานจะเหมือนกัน คือ เครื่องจะส่งคลื่นพลังงานลงไปที่รากขน ทำให้รากขนฝ่อลง ซึ่งรากขนในระยะที่โตเต็มที่จะมีเม็ดสี สามารถดูดซับพลังงานความร้อนเอาไว้ได้ เมื่อรากขนดูดซับพลังงานความร้อนในระดับหนึ่ง เซลล์จะฝ่อลงจนหยุดการทำงาน และไม่สามารถสร้างเส้นขนขึ้นมาใหม่ได้อีกในระยะเวลายาวนาน

เลเซอร์รักแร้

เลเซอร์รักแร้ กับคำถามที่ว่า กำจัดขนถาวรได้จริงไหม? มาดูกัน

เลเซอร์รักแร้ คือ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ YAG Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดเส้นขน โดยในการทำเลเซอร์กำจัดขน คลื่นพลังงานจะเข้าไปทำลายรากขน ะทำให้รากขนอ่อนแอลง และค่อยๆ หลุดร่วงไป ขนที่ขึ้นใหม่ก็จะเส้นเล็กและบางลงเรื่อยๆ หากทำซ้ำ 5-8 ครั้ง ตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ก็จะทำให้บริเวณที่ทำเลเซอร์เหลือเส้นขนบางๆ เพียงเล็กน้อย หรืออาจไม่มีขนขึ้นเลยเป็นเวลานานนับปี ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและเชื้อชาติของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญอาจแนะนำให้กลับมาทำเลเซอร์ขนซ้ำที่บริเวณเดิม เพื่อเก็บเส้นขนที่ขึ้นมาใหม่เป็นครั้งคราว เพื่อให้ผิวยังเรียบเนียน

ทั้งนี้การทำเลเซอร์ขนรักแร้ในปัจจุบันมีการนำเลเซอร์มาใช้หลายชนิด ซึ่งเลเซอร์แต่ละชนิดต่างก็เหมาะกับสภาพเส้นขนที่แตกต่างกัน โดยในประเทศไทยนั้น คลื่นพลังงานเลเซอร์ที่นิยมนำมาให้บริการมากที่สุดมี 3 แบบ ได้แก่

  1. Long-pulsed Alexandrite laser มีช่วงความยาวคลื่นอยู่ที่ 755 nm เป็นคลื่นเลเซอร์ที่ใช้ผลึกอเล็กแซนไดร์เป็นตัวกลางในการผลิตแสง ทำให้สามารถลงได้ลึกกว่า Long-pulsed ruby laser และ IPL อีกทั้งยังสามารถจับเม็ดสีได้ดีกว่าการทำเลเซอร์ขนแบบเก่า ทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดขนอยู่ในระดับที่ดี โดยเลเซอร์ชนิดนี้เหมาะกับคนที่มีผิวขาว ไปจนถึงสีผิวน้ำผึ้ง undertone เหลืองค่ะ
  2. YAG Laser – สามารถแบ่งได้สองระดับ คือ Q-Switch และ Long Pulse ND Yag 
    • Q-switch ความยาวคลื่น 525 นาโนเมตร ใช้ในกลุ่มการลดเลือนเม็ดสีเมลานิน ปรับความสว่างของผิวหน้า บางคลินิกใช้ในการกำจัดขนเช่นกัน แต่ได้ผลไม่ดีเท่า Long Pulse Nd Yag
    • Long Pulse Nd Yag ความยาวคลื่น 1,024 นาโนเมตร เป็นคลื่นพลังงานที่กำจัดขนได้ถึงรากโคนมากที่สุด ลดการเกิดขนใหม่และทำให้ขนใหม่ที่ขึ้นเส้นบางลงด้วย ความถี่ในการทำ สามารถเว้นช่วงได้นานกว่าเลเซอร์ Diode และได้ผลลัพธ์เห็นชัดมากที่สุด สามารถได้ผลดีกับทุกสภาพผิว ทุกสภาพเส้นขน หลังการทำไม่ตกสะเก็ดหรือร้อน สำหรับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ แพทย์ผิวหนังต่างยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า Long Pulse Nd Yag เลเซอร์ได้ผลลัพธ์เรื่องกำจัดขนได้ดีที่สุด
  3. Diode Laser – มีช่วงความยาวของคลื่นค่อนข้างหลากหลาย โดยมีช่วงคลื่นความยาวตั้งแต่ 800-810, 940, 1064-1350 nm เลเซอร์ Diode สามารถดูดซับเม็ดสีได้ค่อนข้างมาก และสามารถลงลึกถึงผิวหนังชั้นในส่วนลึกได้ จึงทำให้มีความสามารถในการกำจัดขนสูงเมื่อเทียบกับการใช้เลเซอร์ชนิดอื่น ๆ โดยเลเซอร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับคนผิวขาว ไปจนถึงผิวสีกลาง ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นผิวแทน

แม้ว่าเลเซอร์ขนทั้ง 3 ชนิดนี้จะเหมาะกับสภาพเส้นขน และสีผิวของคนที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบเป็นอย่างยิ่งก็คือ บนร่างกายของคนมีเส้นขนมากกว่า 1 แบบ ดังนั้นการใช้เพียงคลื่นพลังงานเดียวอาจไม่สามารถกำจัดขนได้หมดจด ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์ขนที่สามารถกำจัดขนได้ทุกแบบ ด้วยการนำเอาพลังงานเลเซอร์หลายช่วงคลื่นรวมเข้าไว้ด้วยกัน และนำมาใช้ในการกำจัดขน เทคโนโลยีเลเซอร์ขนที่ว่านี้คือ เลเซอร์ขนรักแร้ 3 พลังงาน

เลเซอร์รักแร้ IPL VS Yag และ Diode Laser มีความต่างกันอย่างไร

ทั้ง 3 เครื่องนี้ สามารถกำจัดเส้นขน รวมถึงปรับสภาพสีผิวบริเวณใต้วงแขนให้กระจ่างใสได้ โดยหลักการแสงเลเซอร์จะเข้าไปจับกับเม็ดสีเพื่อกำจัดขนและลดการเกิดเม็ดสีผิว ความแตกต่างของเลเซอร์ทั้ง 3 แบบจะอยู่ที่คลื่นพลังงานที่แตกต่างกัน คือ

  • IPL ไม่จัดเป็นเลเซอร์เพราะเป็นพลังงานแสงคลื่นกว้าง ความยาวคลื่น 420-1,200 นาโนเมตร สามารถกำจัดขนได้ ปรับสภาพผิวได้แต่ต้องทำหลายๆครั้งต่อเนื่อง ความถี่ในการกำจัดขนรักแร้ได้ผลจะต้องทำบ่อยกว่าหากเทียบกับเลเซอร์ Yag / Diode เนื่องจากพลังงานคลื่นต่ำ เห็นผลช้าไม่เหมาะกับคนที่ผิวสีคล้ำเพราะพลังงานแสงจะจับเม็ดสีได้ไม่ดี
  • สำหรับคนที่กำจัดขนด้วย IPL จะต้องทำมากกว่า 10 ครั้งจึงจะเห็นผลว่าขนบางลง ขึ้นช้าลง ในขณะที่กลุ่มเลเซอร์ Yag /Diode เห็นผลถาวรขนขึ้นช้าลงตั้งแต่ 2-3 ครั้งแรกที่ทำ
  • Diode Laser ความยาวคลื่น 800-1,350 นาโนเมตร สามารถกำจัดขนบริเวณกว้างๆได้ดี แต่ไม่ช่วยเก็บรายละเอียดขนเส้นบางๆ หรือบริเวณที่แคบได้ไม่เท่ากับแย๊ก(Yag) Diode Laser จึงเหมาะกำจัดขนบริเวณขาและแขน
  • Yag หรือ Long Pulse Nd Yag มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร กำจัดขนได้ทุกส่วนของร่างกาย เก็บรายละเอียดได้ดีทุกจุด เหมาะกับสภาพผิวทุกสีขน เครื่องถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดขนโดยเฉพาะ มีโหมดกำจัดเม็ดสีเมลานินเช่นกัน สามารถกำจัดขนและเลเซอร์ผิวใสได้ในเครื่องเดียว หลังการทำจะเห็นผลชัดเจนว่าเส้นขนใหม่บางลงและขื้นช้าลง เป็นเครื่องเลเซอร์ขนที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในปัจจุบัน

เลเซอร์ขนรักแร้ แบบ Long Pulse ND Yag นั้นดีอย่างไร ?

ND Yag Laser หรือ Gentle YAG (อ่านว่า แย็ค) ความพิเศษของเลเซอร์ตัวนี้ก็ คือ การที่มีความยาวของลำแสงสูงมากถึง 1064 nm. เรียกว่ายิงตรงทำลายลึกจนถึงเซลล์รากขนกันเลยทีเดียว ทำให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดขนสูงที่สุดในปัจจุบันและเป็นที่นิยมสูงสุดโดยเฉพาะกับสาวๆ ที่มีผิวสีแทน สีน้ำผึ้ง สีขาวเหลือง หรือผิวสองสี เช่นเดียวกับชาวเอเชียอย่างพวกเราค่ะ เนื่องจากการจับเม็ดสีเมลานินของ Yag

ก่อนที่จะเลเซอร์รักแร้ มาทำความรู้จักวงจรเส้นขน (Hair Cycle) ว่าระยะวงจรขนเหมาะกับการใช้เลเซอร์ประเภทไหน

  • ระยะ Anagen (ระยะเติบโต) เป็นระยะของเส้นขนที่งอกเจริญเติบโตโผล่ออกมาพ้นผิวหนัง และมีความแข็งแรงเต็มที่
  • ระยะ Catagen (ระยะเสื่อมสภาพ) ระยะที่เส้นขนชะลอและหยุดการเจริญเติบโต โดยเส้นขนจะค่อยๆ หลุดออกจากรากขน
  • ระยะ Telogen (ระยะพักตัว) เมื่อเส้นขนเดิมหลุดร่วงออกจากรากขน ในระยะนี้จะมีขนอ่อนค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นมาแทนที่ ก่อนจะผลักเส้นขนเก่าให้หลุดร่วงออกจากผิวหนัง

ซึ่งด้วยกระบวนการของ Yag Laser ที่เป็นการนำพลังงานความร้อนลงสู่รากขนอย่างเฉพาะเจาะจง โดยผ่านตัวกลางอย่างเส้นขนระยะที่เติบโตเต็มที่ ซึ่งจะเห็นเป็นเส้นขนงอกออกมาบริเวณด้านบนผิวในขณะที่เส้นขนยังคนเกาะแน่นอยู่กับเซลล์รากขน ไม่แยกตัวออกมาเหมือนกับเส้นขนในระยะเสื่อมสภาพ หรือเส้นขนที่ยังอยู่ใต้ผิวในระยะพักตัว จึงจะทำให้เส้นขนสามารถนำส่งพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ขนรักแร้ลงสู่รากขนได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยทำลายเซลล์รากขน ลดการเกิดและการเจริญเติบโตของเส้นขนใหม่ได้อย่างยาวนาน

แต่ในเมื่อเส้นขนทุกเส้นไม่ได้มีระยะการเจริญเติบโตเท่ากันเสมอไป การใช้เลเซอร์ขนรักแร้เพื่อกำจัดขนรักแร้แต่ละครั้ง เส้นขนที่อยู่ในระยะเสื่อมสภาพ กับระยะพักตัว ไม่มีความสามารถในการนำพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ส่งตรงลงลึกถึงเซลล์รากขน จึงทำให้เส้นขนในจุดนั้นยังคงสามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ ซึ่งต้องรอจนกว่าเส้นขนในจุดนั้นจะเข้าสู่ระยะเติบโต จึงจะเป็นการกำจัดขนรักแร้ด้วย Yag Laser ที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

แนะนำให้กลับมาเลเซอร์ขนรักแร้ ทุกๆ 30 วันเพื่อให้เวลาเส้นขนได้มีการพัฒนาตัวเองเข้าสู่ระยะเติบโตเสียก่อน และเลเซอร์ขนรักแร้ติดต่อกันเป็นจำนวน 6-12 ครั้ง เพื่อให้เส้นขนทุกเส้นทั่วบริเวณได้รับเอาพลังงานจากเลเซอร์ลงลึกถึงรากขน และช่วยให้ผิวเรียบเนียน เส้นขนไม่กลับมาอีกได้ยาวนาน โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนของเส้นขนและความหนาของเส้นขนของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน

การเตรียมตัวก่อนทำ เลเซอร์รักแร้

ในการทำเลเซอร์การเตรียมตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสะดวกต่อการให้บริการ ทำให้สามารถทำเลเซอร์ขนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยก่อนทำเลเซอร์รักแร้ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  1. ควรศึกษาข้อมูลและเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยกรรมความงามและมีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์ขนรักแร้มาก่อน
  2. หลีกเลี่ยงการถอนขนในบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์กำจัดขน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก่อนการรับบริการ โดยใช้การโกนเบาๆ ด้วยมีดโกนแทนได้ เหตุที่ห้ามถอน เพราะการทำเลเซอร์ขน จะใช้ลำแสงเลเซอร์ส่งผ่านพลังงานไปสู่รากขน โดยใช้ตอขนเป็นสื่อ จากนั้นเซลล์รากขนจะดูดซับพลังงานความร้อน ทำให้รากขนฝ่อลงไปในที่สุด
  3. งดใช้สบู่ สารเคมี และครีมที่ระคายเคืองผิวหนัง เช่น กรดวิตามินเอ หรือ กรด AHA เป็นต้น
  4. งดสครับผิวก่อนเลเซอร์อย่างน้อย 7 วัน
  5. งดการอาบแดดหรือโดนความร้อนอย่างน้อย 7 วัน
  6. งดทาครีมรักแร้อย่างน้อย 3 วัน
  7. ก่อนการฉายลำแสงเลเซอร์ เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการกำจัดขน จากนั้นจะโกนเบาๆ ด้วยมีดโกนแบบใช้ครั้งเดียว จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย ปลอดเชื้อ
  8. หลังโกนขนจะมีเจลเย็นโป๊ะบนผิวในบริเวณที่ทำเลเซอร์ขน ความเย็นจะทำให้รู้สึกสบายๆ ในระหว่างทำเลเซอร์
  9. ก่อนยิงเลเซอร์ในบริเวณ Sensitive จะมี Cool Pack วางอีกครั้ง โดยในขณะทำเลเซอร์จะรู้สึกคล้ายหนังสติ๊กดีดเบาๆ และรู้สึกอุ่นๆ ในบริเวณที่ทำ โดยมีการประคบด้วยความเย็นและทาเจลเย็นตลอดการทำ เพื่อให้ขณะยิงเลเซอร์รู้สึกสบายขึ้น
  10. การกำจัดขนถาวรที่ได้ผลต้องทำอย่างน้อย 5-8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ เส้นขน เชื้อชาติ และสีของเส้นขน เป็นสำคัญ
  11. แต่ละครั้งควรห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ผิวหนังบริเวณที่ทำการกำจัดขนรูขุมขนก็จะดูเนียนเรียบ ลดขนคุด และในบางรายกลิ่นในบริเวณนั้นลดลงอีกด้วย
  12. หากมีอาการแพ้หรือผื่นแดงจากสาเหตุใดๆ ให้เลื่อนนัดการทำเลเซอร์ออกไปก่อน

การดูแลหลังทำ เลเซอร์รักแร้

เลเซอร์รักแร้
  • หลังเลเซอร์อาจมีอาการแสบร้อน สามารถประคบน้ำแข็ง 10-15 นาที
  • หากรู้สึกระคายเคือง สามารถขอเจลเย็นหรือมอยเจอร์ไรเซอร์จากคลินิกได้
  • งดสครับผิวใต้วงแขน อย่างน้อย 7 วัน
  • งดอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น 3-4 วัน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากในช่วง 2-3 วันแรกหลังเลเซอร์
  • งดการใช้สบู่ เคมีและครีมที่ระคายเคืองที่ผิวหนัง เช่น กรดวิตามินเอ (Retin-A) กรด AHA

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ เลเซอร์รักแร้

หลายคนที่ทำเลเซอร์รักแร้หรือเลเซอร์ขนในบริเวณอื่นๆ ผิวหนังในบริเวณนั้นอาจมีสีอมชมพูหลังทำทันที แต่หลังจากนั้นประมาณ 15-30 นาที จะค่อยๆ จางหายไปเอง ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของการทำเลเซอร์ขน หลังจากนี้เส้นขนจะค่อยๆ ถูกดันให้หลุดออกจากผิวหนังภายใน 2 สัปดาห์หลังการรักษา

  • หลังการทำเลเซอร์ขนรักแร้ใหม่ๆ จะมีรอยแดงบริเวณที่ทำเนื่องจากความร้อนจากพลังงานเลเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญจะทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์บรรเทาอาการร้อนและอาการแดงให้จางลง รอยแดงจะจางหายไปหลังการเลเซอร์ผ่านไปราวๆ 1-2 ชั่วโมง
  • หลังการทำเลเซอร์ งดทาโรลออนหรือขัดถูรักแร้เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง
  • หลังการทำเลเซอร์อาจรู้สึกร้อนๆบริเวณที่ทำเลเซอร์เล็กน้อย โดยเป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้น
  • ในบางรายอาจรู้สึกคันยิบๆบริเวณที่เลเซอร์ ซึ่งเกิดขึ้นในบางรายเท่านั้นและไม่ใช่อาการที่น่ากังวล เพราะเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น

กรณีรักแร้มีผิวคล้ำขึ้นกับเม็ดสีผิวในบุคคลนั้นๆ และการเสียดสีของผิวเช่นการสครับรักแร้อาจทำให้ผิวรักแร้คล้ำลงได้ การเลเซอร์ขนรักแร้จะมุ่งเน้นไปที่การกำจัดเส้นขนแบบรากลึกและชะลอการเกิดขนใหม่

ส่วนสาวๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนที่กลัวว่าจะเจ็บไม่ต้องกังวลไปนะคะระหว่างที่ใช้เครื่องเลเซอร์ระบบลองพัลส์ เอ็นดี แย็ค (Long Pulse Nd Yag) จะมีการเป่าลมเย็นเพื่อบรรเทาความร้อนจากการทำลายรากขน และด้วยลำแสงที่เฉพาะจุดจะไม่ให้เนื่อเยื่อโดยรอบและผิวด้านบนถูกทำลายไปด้วย ดังนั้นจะมีเพียงความรู้สึกร้อนๆ วูบเดียวเท่านั้น

การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกที่ดี วิธีนี้สามารถกำจัดขนรักแร้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังทำให้ผิวใต้วงแขนดูขาวกระจ่างใสขึ้น เรียบเนียน หมดปัญหาขนคุด ผิวหนังไก่ ได้อย่างไร้กังวลค่ะ

การเลเซอร์รักแร้นั้นจะเห็นผลในระยะแรกที่ทำ คือช่วยให้ขนขึ้นน้อยและช้า ใช้เวลานานมากกว่าขนจะขึ้นใหม่ และลักษณะขนที่ขึ้นมาใหม่เป็นเส้นบางๆ ใสๆ ซึ่งการเลเซอร์ขนรักแร้ช่วยให้ขนหมดไปในระยะยาวได้จริง ๆ ถ้าทำการเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง และตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ให้บริการ

เลเซอร์ที่ใช้กำจัดขนรักแร้ในปัจจุบัน เป็นเลเซอร์ชนิดที่มีความปลอดภัยสูง จึงไม่มีผลอันตรายทำให้ DNA เกิดการถูกทำลายหรือกลายพันธุ์แต่อย่างใด อีกทั้งตัวเลเซอร์ชนิด YAG Laser ที่ใช้ในการทำเลเซอร์กำจัดขนถาวรยังเป็นเลเซอร์ที่ส่งผลกับรากขนเท่านั้น ไม่ทำอันตรายต่อผิว อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น อาการแสบไหม้ที่ผิวหนัง หากใช้พลังงานสูงเกินไป หรือให้ความเย้นปกปิดผิวที่ไม่เพียงพอ หลังทำ laser อาจมีอาการบวมแดงตามรูขุมขนได้ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน

การทำเลเซอร์นั้นจะใช้พลังงานจากแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ โดยการส่งลำแสงไปยังเซลล์เป้าหมายในผิวหนังที่มีปัญหา ซึ่งเมื่อยิงลงไปบนผิวหนังแล้ว จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนลงไปแทน ผลที่ได้นอกจากการกำจัดขนก็คือจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ถาวรยังเป็นเลเซอร์ที่ส่งผลกับรากขนเท่านั้น ไม่ทำอันตรายต่อผิว